[OS Special Halloween]
I’m in love with a monster
“กูไม่ชอบทะเล”
เสียงเอาแต่ใจดังขึ้นทำลายบรรยากาศจนผู้ร่วมทางพากันหยุดเดิน
ทุกสายตาหันกลับมามองคนตัวเล็กที่เดินรั้งท้ายด้วยใบหน้างองุ้ม
ดวงตาสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจ้องกลับไปไม่แคร์ใครทั้งสิ้น
“ตลกหรอแบคฮยอน
มึงนั่นแหละที่ร่ำร้องอยากมาทะเล
แล้วนี่เป็นห่าไรครับ” เพื่อนที่เดินนำอยู่เอ่ยถามอย่างข้องใจ
“กูไม่ชอบทะเล…ที่นี่ กูอยากเที่ยวทะเล แต่ไม่ใช่ที่นี่ มันไม่มีอะไรสักอย่าง หาดก็สกปรก ทะเลก็เล่นไม่ได้ เรือโทรมๆอะไรก็ไม่รู้จอดอยู่เต็มไปหมด มองไปก็มีแต่ป่า ป่า…” สายตามองเลยไปยังคนที่เดินนำอยู่หน้าสุด ร่างกายสูงใหญ่กำยำ
ผิวสีเข้มจากการตากแดดตากลมโชว์หราเพราะร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ “ป่าเถื่อนด้วย นี่ก็จะมืดอยู่แล้ว ไหนโรงแรม ไหนบ้านพัก ฮึ! คืนนี้ต้องมุงใบจากนอนกันแล้วล่ะมั้ง”
“ไม่ต้องห่วงครับ ที่นี่ไม่มีต้นจาก คุณจะได้ใช้ใบมะพร้าวแทน”
เสียงทุ้มจากชายเจ้าถิ่นนั้นเรียบนิ่งไม่สามารถบอกได้เลยว่าคนพูดรู้สึกอย่างไรในเวลานี้ “อีกอย่าง
ผมคงต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่ชายหาดของเราสวยไม่พอ แต่คุณคงไม่มีทางเลือกมากหลังจากเรือของคุณนั้นน้ำมันหมดไปก่อนที่จะถึงเกาะปลายทาง”
ชายคนนี้พูดไม่ผิดสักนิด
และนั้นก็ทำให้แบคฮยอนยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ตั้งแต่ที่เรือของพวกเขาดันเกิดน้ำมันหมดอยู่กลางทะเล ซ้ำโทรศัพท์ก็อับสัญญาณจนไม่อาจติดต่อกับโรงแรมที่จองเอาไว้ จะว่าโชคดีก็ใช่ที่ชายคนนี้ขับเรือหาปลาผ่านมาเจอเข้า
แต่ก็โชคร้ายอยู่ดีที่อีกฝ่ายปฏิเสธที่จะพาพวกเขาไปส่งโดยให้เหตุผลว่าใกล้ค่ำและพายุกำลังมา โกหกทั้งนั้น
เขาไม่เหาพายุที่ไหนเลยสักนิด
สุดท้ายก็มาพักที่เกาะโง่ๆ ดูร้างๆโทรมๆเหมือนจะมีผีสิง บางทีพวกเขาอาจจะถูกหลอกมาฆ่าแบบในหนังปิดเกาะเชือดอะไรแบบนี้ จะไปไว้ใจได้ยังไง
“อย่าเรื่องมากเพื่อนรัก กูขอร้อง”
“สาบานว่าได้กลับบ้านเมื่อไร กูจะเลิกคบมึงจงอิน”
แบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่เอาแต่พูดขัดเขาอยู่เรื่อย เซฮุนกับคยองซูก็เดินฟังเขาบ่นได้ไม่เห็นจะขัดอะไร แต่งจงอินนั้นไม่เคยตามใจเขาอย่างคนอื่นสักนิด จริงๆแล้วจะขัดกันก็ไม่ว่า
หากแต่มันต้องไม่ใช่ต่อหน้าคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แรกเห็น ไอ้ชาวเกาะท่าทางป่าเถื่อนนั่น! สายตาที่หมอนั่นใช้มองมาช่างไร้มารยาทและดูล่วงเกินอย่างถึงที่สุด ไม่ชอบใจจริงๆ
ทั้งหมดเดินกันมาจนถึงบ้านไม้หลังใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย กลุ่มแขกจำเป็นตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
ใครจะคิดว่าเกาะที่ดูร้างผู้คนจะมีบเนหลังใหญ่และสวยงามขนาดนี้
มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากในบ้านก่อนจะรีบโค้งให้อย่างสุภาพ
“แขกของนายหัวหรอครับ” ประโยคที่ชายคนนี้เอ่ยถามทำเอาหลายคนต้องขมวดคิ้ว นายหัวงั้นหรือ เขาหมายถึงใครล่ะ
ตรงนี้มีแค่แขกสี่คนและชายเปลือยท่อนบนอีกหนึ่งคน
อย่าบอกนะว่า….
“คุณเป็นเจ้าของเกาะหรอเนี่ย” เป็นจงอินที่ถามอย่างตื่นเต้น
“ก็แค่เกาะร้างๆกับบ้านหลังเดียว มึงจะตื่นเต้นอะไร” ขอให้ได้ขัด
บางทีฉายาของแบคฮยอนคงเป็นสก็อตไบรท์แน่ๆ
ลองได้ไม่ถูกชะตาใครแล้วก็ไม่มีทางได้สงบสุข
ตามกัดจิกไม่ปล่อยง่ายๆจนกว่าจะมีใครยอมแพ้ราบคาบกันไปข้าง
นายหัวหน้าดุนั้นไม่ได้โต้ตอบใดๆ
กระตุกยิ้มเล็กๆแล้วเดินนำเข้าไปในบ้านทันที ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเมื่อตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะสั่งสอนคนอวดดีทั้งคืน
ยอมรับว่าใบหน้าจิ้มลิ้มกับท่าทางพยศแบบนั้นดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรกเห็น มันช่างน่ารังแกให้หอบสะอื้นจนขาดใจ
“ผมขอไปทำธุระสักครู่ เชิญพวกคุณทานอาหารกันได้เลย ซายังจะจัดการดูแลให้ รวมถึงที่นอนด้วย”
“เชิญทางนี้ครับ”
ชายที่ชื่อซายังเดินนำแขกเข้ามาภายใน
ก่อนจะพาไปยังโต๊ะอาหารโดยให้วางสัมภาระเอาไว้ที่ห้องโถง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้มีข้าวของมากมาย ตั้งใจจะมาเที่ยวกันแบบเด็กๆจึงพกแค่เป้สะพายหลังคนละใบเท่านั้น
เรียกได้ว่าเป็นการเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกของพวกเขา เพราะเป็นการฉลองจบไฮสคูล
พ่อแม่ของจงอินจึงใจดีทุ่มทุนออกค่าที่พักสุดหรูซ้ำยังให้เรืออีกหนึ่งลำไว้ใช้ส่วนตัว แต่เด็กก็คือเด็ก พวกเขารู้แค่ใช้เท่านั้น
สุดท้ายก็มาน้ำมันหมดโง่ๆทั้งที่ยังไม่ถึงที่พัก
ใครจะไปรู้ว่าตระกูลคิมรวยขนาดนั้นจะให้ยืมเรือแต่ไม่เติมน้ำมันเต็มถังไว้ให้
ทริปในฝันเป็นอันต้องพังทลายเพราะดันมาตายตอนจบแบบนี้
“บ้านใหญ่ดีนะครับ” คยองซูมองไปรอบๆก็เอ่ยชื่นชมขึ้นมา
“นายหัวออกแบบเองน่ะครับ ตอนนั้นยังวัยรุ่นไฟแรง จบมาใหม่ๆก็ร้อนวิชา ผ่านมาก็สิบกว่าปีแล้วบ้านก็ยังสวยเหมือนเดิม” ซายังเล่าไปก็จัดสำรับไป ไม่ค่อยมีคนมาที่เกาะนี้บ่อยนัก นานๆเขาจะมีเพื่อนคุยสักที
“เขาจบออกแบบแต่มาอยู่เกาะแบบนี้หรอครับ”
เซฮุนเอ่ยถามในสิ่งที่เพื่อนอีกสามคนก็คงสงสัยเช่นกัน อีกอย่างนอกจากบ้านหลังนี้
ทั้งเกาะก็ไม่มีอะไรสักอย่าง
ไม่รู้ว่านายหัวคนนั้นทำมาหากินอะไร
“ตระกูลปาร์คก็มีธุรกิจท่องเที่ยวครับ เกาะผีเสื้อที่พวกคุณกำลังไปก็ของนายหัวนะครับ รีสอร์ทนั่นฝีมือออกแบบของนายหัวด้วย นอกจากนี้ก็มีเกาะไข่มุกที่เพาะเลี้ยงหอยมุกรายใหญ่ของแถบตะวันออก… ไม่ธรรมดาใช่มั้ยล่ะครับ”
แขกทั้งสี่ได้แต่กระพริบตาปริบๆกับเรื่องที่กำลังฟัง
ในใจก็คำนวณถึงความร่ำรวยจากธุรกิจเหล่านั้น
ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มที่พวกเขาคิดว่าเป็นแค่คนหาปลาธรรมดานั้น กลับกลายเป็นมหาเศรษฐี
แน่นอนว่าพอได้ยินชื่อตระกูลปาร์คก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก
เกาะผีเสื้อที่ตั้งใจจะไปพักนั้นก็รู้ว่าเป็นของตระกูลปาร์ค อาจโชคไม่ดีนักที่ไปไม่ถึงเกาะผีเสื้อแต่ก็ได้เจอกับเจ้าของเกาะตัวเป็นๆ
ซ้ำยังนั่งกินข้าวอยู่ในบ้านเขาเสียนี่
“งั้นที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวหรอครับ”
“ครับ
นี่คือเกาะฉลาม
มาจากฉายาของนายหัวน่ะครับ”
ในฐานะที่ครอบครัวของพวกเขาก็อยู่ในวงการธุรกิจใหญ่ ถึงจะเป็นแค่เด็กมัธยมแต่ก็พอมีความรู้ สำหรับชื่อเสียงของปาร์คชานยอล ประมุขแห่งตระกูลปาร์คคนปัจจุบัน ฉายาที่ใครๆก็รู้กันดีนั่นคือ ฉลามแห่งหมู่เกาะตะวันออก ตอนนี้พวกเขาได้มาเห็นกับตาใกล้ๆ
แม้จะแสดงออกอย่างสุภาพแต่ก็มีภาพลักษณ์ที่ดุดันและแข็งแกร่ง ก็ถือว่าสมฉายาเขาล่ะ
“คุยกันเพลินเลยนะครับ”
นายหัวชานยอลเดินเข้ามาขัดจังหวะการพูดคุยของผู้ดูแลอย่างคิมซายังและแขกทั้งสี่
บัดนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตกางเกงผ้ายืดสบายตัว
นั่งลงตรงหัวโต๊ะซึ่งเป็นที่ประจำในขณะที่สายตาก็มองไปยังเด็กน้อยจิ้มลิ้มที่เสหน้าหันหนีไปทางอื่น
พยศไม่เลิก
“นายหัวแต่งแบบนี้แล้วหล่อเชียวครับ ดูดีกว่าตอนถอดเสื้อเดินตากแดดเป็นไหนๆ แบบนี้จะได้หานายหญิงให้ตระกูลปาร์คได้สักที” ซายังเอ่ยอย่างติดตลก แต่ก็หวังเอาไว้จริงๆว่านายหัวของเขาจะหาคนมาอยู่เคียงข้างกันเสียที
อายุก็ปาไปสามสิบหกสามสิบเจ็ดแล้วแต่ยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน
“อะไรกัน
ยังไม่แต่งงานอีก
ได้ข่าวว่าแก่แล้วนี่ครับ”
แบคฮยอนเอ่ยพลางกระตุกยิ้ม
แขวะนิดแขวะหน่อยนี่สะใจเขานักล่ะ
“แก่… แต่แรงไม่ตกหรอกนะครับ” ชานยอลพูดกับคนตัวเล็กจอมดื้อพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์เสียจนอีกฝ่ายเบ้ปากใส่
ทั้งหมดทานอาหารค่ำจนเต็มอิ่มแล้วจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน
แม้บ้านจะใหญ่โตแต่ก็มีห้องรับรองแค่สองห้องเท่านั้น เซฮุนและคยองซูนอนห้องหนึ่ง
ส่วนจงอินและแบคฮยอนก็นอนด้วยกันอีกห้องหนึ่ง ถึงจะรักความเป็นส่วนตัวและนอนคนเดียวจนเป็นนิสัย แต่เอาจริงๆมันก็ไม่เลวนัก
ทั้งแบคฮยอนและจงอินเองก็คุยกันถึงเรื่องที่ผ่านมาในห้องเรียน
ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องตลกที่ไม่ว่าจะนึกถึงสักกี่ครั้งก็ยังเรียกเสียงหัวเราะได้อยู่เสมอ
แม้จะอยากคุยกันไปเรื่อยแต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็ทำเอาร่างกายฝืนไม่ไหว จงอินนั้นชิงหลับไปก่อนจนอีกคนไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็พากันเข้าสู่ห้วงนิทราไปทั้งคู่
.
.
.
แสบตา
นี่คือสิ่งที่แบคฮยอนรู้สึกพร้อมๆกับอาการโคลงไปมาคล้ายว่าเตียงนอนมันกำลังกลายร่างเป็นเรือลอยล้อคลื่นอยู่กลางทะเล พยายามขยับตัวให้นอนได้สบายขึ้นแต่ก็ไม่ได้ผลสักนิด
ทำไมที่นอนมันถึงได้แข็งราวกับไม้กระดานทั้งๆที่ก่อนนอนเขาก็เห็นว่ามันนุ่มดีอยู่แท้ๆ
จนแล้วจนรอดก็ทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาเพราะแสงที่สาดเข้าใส่ ค่อยๆลืมตาช้าๆก็ยิ่งพาให้ข้องใจ เจ้าแสงสีเขียวพวกนี้คืออะไรกัน ทำไมมันถึงได้เข้ามาอยู่ในห้อง…
เดี๋ยวนะ!
ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอน มองไปรอบๆด้วยความตระหนก
รอบตัวมืดมิดไปหมดมีเพียงแสงไฟสีเขียวที่สาดส่องช่วยในการมองเห็น
“เป็นไปไม่ได้”
พึมพำกับตัวเองหลังจากพบว่าบัดนี้บยอนแบคฮยอนกำลังอยู่บนเรือหาปลา
เรือลำเดียวกับที่นายหัวชานยอลขับไปเจอพวกเขา และที่แย่กว่าเรือหาปลาคือตอนนี้เขากำลังลอยลำอยู่กลางทะเล
กลางทะเล!
“ไงครับ
แบคฮยอน”
เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของฉลามแห่งหมู่เกาะตะวันออก
ใบหน้าหล่อเหลาดุดันฉายแววเจ้าเล่ห์จนเด็กน้อยขนลุกไปทั้งตัว ชานยอลยิ่งก้าวเข้าไปแบคฮยอนก็ยิ่งถอยหนี
“อย่าเข้ามานะ
คุณทำบ้าอะไร
คุณเป็นคนพาผมมาที่นี่ใช่มั้ย”
“แหม… โทษผมคนเดียวก็ไม่ถูก
ถ้าคุณไม่หลับลึกจนเกินไปก็คงรู้สึกตัวตั้งแต่ผมเข้าไปอุ้มมาจากเตียงแล้ว”
แบคฮยอนอยากจะกระโดดลงทะเลให้จบๆไปเสีย ถูกเขาอุ้มจากเตียงพามาถึงกลางทะเลได้โดยไม่รู้สึกตัวสักนิด
พ่อแม่คงอับอายแน่ๆถ้ารู้ว่าลูกชายคนเดียวมันไม่ได้เรื่องขนาดนี้
“แล้วคุณพาผมมาทำไม”
“ผมสนใจคุณยังไงล่ะ เด็กน้อย”
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหูจนคนถูกรุกรานผวาตัวไปตั้งหลักห่างกันอีกครั้ง
“คุณมันโรคจิต! พาผมกลับเข้าฝั่งเดียวนี้ ไม่งั้นผมจะกระโดดลงไปแน่”
“โดดสิครับ
เผื่อคุณจะไม่รู้ว่าแถบนี้ฉลามชุมขนาดไหน”
ชานยอลไม่ได้พูดเล่น ดูเหมือนหลายคนจะยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรฉายาของเขาถึงเป็นฉลาม
ทะเลฝั่งตะวันออกนั้นมีฉลามชุกชุมมากที่สุด
และเพราะเขาคุมเขตฝั่งนี้ทั้งหมดถึงถูกเรียกว่าเป็นฉลามไปด้วย ที่นี่คือเขตฉลาม แน่นอนว่าถ้าคนตัวเล็กกระโดลงไปล่ะก็… คงไม่เหลืออะไรกลับไปหาพ่อหาแม่
“คุณมันไม่ใช่แค่ฉลามอย่างที่ใครๆบอกหรอก คุณน่ะมันปีศาจ เป็นปีศาจฉลาม
ชั่วร้ายที่สุด” แบคฮยอนค่อยๆขยับตัวเข้ามาด้านใน ถึงจะรั้นสักแค่ไหนก็ต้องมีขอบเขต ใครจะอยากเป็นอาหารฉลามกันเล่า “ต้องการอะไรก็พูดมาเลย จะได้จบๆแล้วก็กลับเข้าฝั่งสักที”
“ผมบอกไปแล้ว…
ผมต้องการคุณ”
แขนแกร่งที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามรั้งคนตัวเล็กให้เข้ามาแนบชิดจนไร้ชองว่าง
โน้มใบหน้าลงไปจรดปลายจมูกเข้ากับผิวแก้มน่าหยิก เอ่ยกระซิบเสียงพร่าให้คนฟังขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่าง “ผมจะพากลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย แต่คุณต้องเป็นเด็กดีของผม…ทั้งคืน”
ริมฝีปากหนาจู่โจมเข้าครอบครองลิ้มรสความหวามฉ่ำจากเด็กน้อยตรงหน้า
บดจูบขยี้หวังจะให้ริมฝีปากบางๆที่แสนร้ายกาจนั้นบวมช้ำจนสะใจ สองมือจับบังคับบีบเค้นไปทั่วผิวนุ่มนิ่ม นี่มันรุนแรงเกินไปสำหรับคนตัวเล็ก
แบคฮยอนเป็นแค่เด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมัธยมปลาย ด้วยวัยเพียง18ปีนี้บอกได้เลยว่าเจ้าตัวไม่ประสาสักนิดกับเรื่องเหล่านี้ ในขณะที่ปาร์คชานยอลนั้นช่ำชองเจนจัด อายุ36ปีสำหรับผู้ชายนั้นไม่ได้เรียกว่าแก่อย่างที่แบคฮยอนสบประมาทเลยสักนิด
แน่นอนว่าเด็กน้อยจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองจนถึงใจเลยทีเดียว
สองแขนกระคองร่างบอบบางให้นอนแผ่ราบไปกับพื้นแข็งๆที่แสนสกปรก
คร่อมทับเอาไว้ใม่ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ดิ้นหนี
ตรึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยกันด้วยมือเพียงข้างเดียวและจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตของตนด้วยมีออีกข้างอย่างรวดเร็ว
ใครเล่าจะปลดกระดุมได้เร็วเท่านายหัวฉลามคนนี้
ยิ่งเห็นสีหน้าตระหนกของคนตัวเล็กก็ยิ่งรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ในตอนนี้ช่างเกะกะซะเหลือเกิน อยากจะกระชากให้ขาดออกไปทั้งคู่แล้วบรรเลงเพลงรักไม่รอเวลา
เมื่อถอดเสื้อตัวเองออกไปก็จัดการบังคับดึงเสื้อยืดของเด็กน้อยให้พ้นตัว
ผิวกายขาวผ่องที่สู้แสงสีเขียวช่างยั่วยวนใจ
คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกพบว่าร่างกายนี้คงจะละมุนน่าสัมผัสไปทั้งตัว
เมื่อได้มีโอกาสจริงๆก็ต้องยอมรับว่ามันปลุกเร้าความเป็นนักล่าได้มากมายเหลือเกิน
“อื้อ”
สองมือน้อยๆพยายามดันแผงอกแน่นให้ห่างออกไป
สะบัดหน้าหลีกหนีริมฝีปากที่เอาแต่ปล้ำจูบกันไม่ยอมพัก แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้ซึ่งเขาก็คิดถูก ปาร์คชานยอลทั้งชั่วร้าย เจ้าเล่ห์
เป็นปีศาจ
นี่มันคือฝันร้ายของเขาจริงๆ
มือหนาไม่หยุดแค่เสื้อเท่านั้น
จัดการดึงรั้งกางเกงนอนขาสั้นตัวบางให้พ้นทางออกไป อยากจะเห็นเรือนกายของเหยื่อให้เต็มตา อยากจะลิ้มรสจนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก จะทารุณให้บอบช้ำ
จะกลั่นแกล้งให้เด็กน้อยกรีดร้องลั่นทะเลกว้าง แค่คิดว่าจะได้ทำอะไรกับร่างกายตรงหน้าชานยอลก็ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
เขาห่างหายเรื่องอย่างว่าไปหลายเดือนเพราะทำบางอย่างกับอาวุธร้ายของตน
ไม่คิดว่าแผลหายดีแล้วจะได้ใช้ครั้งแรงกับเด็กน้อยคนนี้
จะได้พิสูจน์กันล่ะว่าที่เค้ายอมเสี่ยงไปนั้นมันจะคุ้มหรือเปล่า
เม้มจูบไปทั่วตั้งแต่ใบหน้าน่ารักผ่านซอกคอขาวเนียน ขบกัดเบาๆพร้อมไล้เลียต่ำลงเรื่อยๆ
เสื้อครางอื้ออึงที่บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังกลั้นใจอยู่นั้นกระตุ้นให้ชานยอลยิ่งอยากรังแก
จูบซับผ่านหน้าท้องนุ่มมือลงมาปรนเปรอซอกขาขาว เรียวขาหุบเข้าอัตโนมัติเพราะความหวาดหวั่นและไม่คุ้นเคย
ร่างสูงใหญ่ยกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วดึงกางเกงของตนลงไปถึงหน้าขา
จับร่างสั่นระริกของแบคฮยอนให้คว่ำลงต่ำจนใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่เสมอกับท่อนเอ็นแข็งที่ดีดออกมาชี้หน้าดูลามก
“อะ… อะไร นี่….” แบคฮยอนเอ่ยถามเสียงสั่นกับสิ่งที่เห็น
แน่นอนว่าถ้ามันเหมือนๆกับกับของตนก็คงไม่ต้องถามโง่ๆแบบนี้ แต่ของชานยอลมันต่างออกไป ไม่ใช่แค่ขนาดที่ใหญ่กว่าและยาวกว่าเท่านั้น แต่มัน…
“มุกยังไงล่ะเด็กน้อย
มุกแท้เนื้อดีที่สุดเจ็ดเม็ดของน่านน้ำตะวันออกเลยล่ะ” มือหนาลูบข้างแก้มใสที่กำลังส่ายหนีอย่างหวาดกลัว “ทำมันสิ
แล้วคุณจะรู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้ลองมันเป็นคนแรก”
ไม่มีทางเลือกสำหรับคนที่ตกเป็นเบี้ยล่างอย่างสมบูรณ์
ถ้าไม่ทำก็คงถูกปล่อยทิ้งกลางทะเลแน่
แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลทำได้จริงๆ
ไม่มีการปราณีกันสำหรับปีศาจร้ายที่ทำเรื่องเลวๆกับเขา มือเรียวสวยค่อยๆแตะลงบนส่วนที่แข็งชี้ มันน่ากลัวเสียจนต้องหันหน้าหนี
เอ็นปูดทั่วทั้งลำซ้ำยังมีมุกฝังปูดอีกเจ็ดเม็ด คนตัวเล็กเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการกระโดดลงไปให้ฉลามกินกับอยู่บนนี้ให้ฉลามรังแก แบบไหนจะตายทรมานมากกว่ากัน
ถ้าโดนมุกเจ็ดเม็ดของชานยอลเข้าไป แบคฮยอนอาจจะตายจริงๆก็ได้
“รูดสิครับ”
ชานยอลจับมือที่กำลังสั่นของแบคฮยอนให้กำรอบแกนกายอย่างกระชับ
แลัวบังคับให้ขยับอย่างที่ต้องการ
“ใช้ปากของคุณด้วย โชว์ให้ผมดูหน่อยว่าคุณปากดีได้แค่ไหน”
คนตัวเล็กส่ายหน้ารัว ทั้งรังเกียจและหวาดกลัว อีกอย่างเรื่องพวกนี้อยู่ๆจะมาสั่งให้ทำกันง่ายๆได้อย่างไร
แบคฮยอนไม่เคยทำอะไรบัดสีไปมากกว่าการช่วยตัวเองตามประสาเด็กชายวัยเจริญพันธุ์ เขาไม่เคยมีแฟนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาทำมันไม่ได้จริงๆ
ชานยอลกระตุกยิ้มกับท่าทางน่าสงสารของคนตรงหน้า ความปราณีไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกที่ตัดสินใจจะจับเด็กน้อยคนนี้มาชำเราอย่างดิบเถื่อน น่าสงสารแต่ชานยอลไม่สงสารเลยสักนิด
มือหนาบับคับให้ใบหน้าสวยประชิดเข้ากับแกนกายแล้วบีบปากเล็กๆนั่นให้อมมันเข้าไปทั้งลำ
ยึดศีรษะให้อยู่นิ่งด้วยสองมือแล้วแอ่นเอ็นร้อนกระแทกเข้าโพรงปากจนแบคฮยอนถึงกับสำลัก ร่างกายเปลือยเปล่าสั่นระริก
ริมฝีปากก็ถูกอัดกระแทกเข้าใส่จนเกือบจะรับไม่ไหว ขนาดลำกายใหญ่จบคับแน่น
อีกทั้งยาวลึกลงไปในลำคอ ไม่ไหวแล้วจริงๆ
“แค่ก แค่ก”
แบคฮยอนไอโขลกออกมาอีกฝ่ายจึงยอมถอนแกนกายออกให้คนตัวเล็กได้พักหายใจ
“โอ๋ๆ
ไม่เป็นไรนะครับ ผมลืมไปเลยว่าปากคุณน่ะเล็กนิดเดียว”
นายหัวเอ่ยอย่างใจดี แต่แบคฮยอนก็รู้ว่าคนๆนี้ใจร้ายแค่ไหน
ร่างบอบบางถูกจับหันหลังแล้วกดให้อยู่ในท่าคลานเข่า ลิ้นร้อนไล้เลียตั้งแต่กลางหลังลงไปยันก้นแน่นเนื้อน่ากระแทก ขบเบาๆพอให้คนถูกกระทำได้สะดุ้ง บีบเค้นก้อนเนื้อกลมแน่นอย่างมันส์มือ
ฟาดลงไปไม่แรงนักก็ยิ่งตื่นเต้นที่เห็นว่ามันเด้งสู้ขนาดไหน ไม่อยากนึกถึงตอนที่อัดเข้าใส่ ดูท่าจะสุดยอดยิ่งกว่าใครที่ชานยอลเคยร่วมรักมา
แหวกก้นกลมให้แยกออกจากกันเผยช่องทางปิดสนิท
แตะลิ้นแฉะลงไปเรียกเสียงครางแผ่วและสะโพกที่บิดหนี
แบคฮยอนคงไม่รู้ว่ายิ่งพยายามส่ายหนีเท่าไรก็ยิ่งเหมือนกำลังยั่วยวน
"อื้ออออ"
เผลอร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงก้านนิ้วยาวที่กำลังแทรกเข้าสู่ช่องทางคับแคบด้านหลัง แบคฮยอนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหนดี
แค่ท่าทางคลานเข่าแอ่นสะโพกที่ทำอยู่ตอนนี้ก็แสนจะน่าอายพอแล้ว ยังต้อวมาถูกชำแรกเข้าใส่จนครางสั่นอีก
ผนังอุ่นภายในเต้นตุบๆตอดรัดนิ้วยาวที่แทรกเข้าไป
ชานยอลเลียริมฝีปากอย่างกระหายที่จะได้ทารุณช่องทางของคนที่แอ่นสะโพกอยู่ตรงหน้า
ผิวขาวผ่องที่ตัดกับกายสีแทนของตนนั้นดูงดงามน่ามองยิ่งกว่าสิ่งใด
น่าเสียดายที่ไฟสีเขียวของเรือลำนี้สว่างไม่มากพอที่จะให้เขาได้ชื่นชมความงามนี้อย่างชัดเจน ไว้คราวหน้าจะพาไปชำเรากลางแจ้งท้าแดดท้าลมทะเลจนสมใจ
ดึงนิ้วออกอย่างรวดเร็วจนช่องทางนั้นปรับสภาพไม่ทัน
ขยิบถี่ตามผู้รุกรานอย่างลืมตัว ใบหน้าก้มลงไปหาก้นอวบหวังจะกัดกินอย่างมูมมาม
เกร็งลิ้นแล้วแหย่ลงไปจนสะโพกผายส่ายร่อนเพราะความเสียวสะท้าน แบคฮยอนถูกมอมเมาโดยสมบูรณ์
มือเรียวพยายามจะยกมาจับแกนกายของตนเองที่บัดนี้ต้องการปลดปล่อยเต็มที
แต่คนใจร้ายกลับตีมือน้อยเสียเต็มแรงไม่ยอมให้ทำได้ดั่งใจ
"อย่าจับสิคนดี
ผมจะทำให้คุณเสร็จได้โดยไม่ต้องแตะต้องมันเลยแม้แต่นิดเดียว"
ยืดตัวขึ้นชักรูดแกนกายของตนเองสองสามครั้ง
ฟาดลงไปกับผิวอิ่มกลมกลึงสร้างอารมณ์ดิบเถื่อนให้ถึงใจยิ่งกว่า
จ่อส่วนปลายเข้ากับช่องทางที่ยังขมิบถี่เพราะความซ่านเสียวที่เกิดจากเรียวนิ้วและลิ้นร้อน บีบเค้นสะโพกแน่นเนื้อให้ผ่อนคลาย แล้วสอดเข้าไปเชื่องช้า โน้มตัวลงไปกระซิบแผ่วซาบซ่านข้างหู
“ร้องดังๆนะครับ
ให้ผมภูมิใจกับมุกที่เลี้ยงเองกับมือหน่อย”
“อ๊า!”
แบคฮยอนไม่ได้อยากจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก
หากแต่ไม่สามารถกลั้นเสียงเอาไว้ได้
มันเจ็บปวดจนเกินจะบรรยาย
ความใหญ่โตที่แทบจะฉีกร่างกายนี้ให้แหลกละเอียด เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ดวงตาพร่าเลือนราวกับสติเริ่มจะหายไป มันทรมานเหลือเกิน
“ผมทำคุณเลือดออกซะแล้ว แบคฮยอน”
ชานยอลมองช่องทางคับแคบที่ตนฝังกายลงไปอย่างทารุณ
บัดนี้ฉีกขาดของเหลวสีแดงไหลซึมมาตามท่อนลำร้อนยามที่ชักกายออกและอัดกระแทกลงไปซ้ำๆ
เสียงกรีดร้องดังก้องไปกับอากาศเหนือผิวน้ำ แบคฮยอนได้แต่กลั้นใจลืมความเจ็บเหล่านี้ไปเสียเพราะชานยอลไม่คิดจะเบาแรงลงสักนิดแม้จะบอกว่าเลือดไหลออกมาแล้วก็ตาม ไม่ยอมหยุด
ไม่ปราณี โหดร้ายยิ่งกว่าปีศาจตนไหนๆ
คนตัวเล็กจำยอมให้อีกฝ่ายกระแทกกระทั้นเข้าจนพอใจ หวังว่ามันจะจบโดยเร็วที่สุด
ยิ่งนานยิ่งตอบรับและคุ้นชิน อารมณ์ที่ดับมอดไปก่อนหน้านี้เพราะความเจ็บปวดเริ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง ความใหญ่โตคับแน่นและผิวขรุขระทั่วลำกายร้อนแรงสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้เด็กน้อยผู้ไม่ประสีประสา
แบคฮยอนกำลังคิดว่าตัวเองกลายเป็นพวกใจแตกไปเสียแล้ว
กรีดร้องเจ็บปวดเจียนตายแต่สุดท้ายก็ส่ายสะโพกรับแรงกระแทกจากอีกฝ่ายอย่างไร้ยางอาย ได้แต่โทษว่าเป็นเพราะตนอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ อารมณ์ทางเพศคือเรื่องแสนธรรมดา
ในเมื่อต้องการปลดปล่อยแต่ไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง เขาก็ต้องขอพึ่งคนอื่น
“อ๊ะ จะถึง อื้อ ผมจะ…” เสียงหวานเอ่ยไม่เป็นภาษาเพราะความซ่านเสียวที่ควบคุมไม่ได้และร่างกายที่สั่นคลอนไปตามแรงกระทั้นจากคนตัวใหญ่
“อื้มมมม”
ชานยอลยึดเอวนิ่มมือเอาไว้แล้วอัดกระแทกเข้าใส่แรงขึ้น ขบกรามแน่นด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูง “อีกนิดแบคฮยอน อีกนิด”
ยิ่งแรงยิ่งถึงใจ
คนตัวเล็กแนบใบหน้าสวยลงกับพื้นไม้โดยไม่ห่วงสักนิดว่ามันจะสกปรกแค่ไหน โก้งโค้งแอ่นสะโพกให้ชานยอลชำเราเอาแต่ใจ
มุกเจ็ดเม็ดนั้นครูดไปกับผนังด้านในจนเสียวไปหมด
รู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นไปทั้งกายเตรียมจะปลดปล่อยทั้งๆที่ไม่มีใครได้แตะต้องส่วนอ่อนไหลนี้เลยสักนิด เหมือนว่านายหัวฉลามจะไม่ได้ดีแต่ปาก
เพราะแบคฮยอนกำลังจะเสร็จเพียงแค่ถูกกระแทกเข้าใส่เท่านั้นจริงๆ
“อ๊า!!!!!”
เด็กน้อยหอบสะท้านพร้อมกระตุกเป็นระยะหลังจากปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเปื้อนเต็มพื้น ช่องทางขมิบถี่ขึ้นกว่าเก่าจนลำกายร้อนระอุต้องเร่งจังหวะเข้าใส่ให้เร็วตามไปด้วย
ถึงแบคฮยอนจะปลดปล่อยไปแล้วแต่ชานยอลก็ยังไม่คิดจะหยุด จับคนตัวเล็กให้ตะแคงข้างยกเอาเรียวขาขาวพาดเข้ากับบ่าแกร่ง อัดกระแทกเข้าใส่ล้ำลึกจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสดใหม่ของร่างกายนี้ทำเอานายหัวติดใจเหลือเกิน คับแน่นจนแทบจะเสร็จอยู่หลายครั้ง เสียงที่ครางกระเส่าก็กระตุ้นอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าใครๆ ก้มมองแกนกายของตนที่ผลุบเข้าออกในช่องทางที่บวมแดงเพราะช้ำจากการถูกชำเราแล้วเลียปากอย่างกระหายชอบใจ ยิ่งเห็นยิ่งมีอารมณ์
“อ๊ะ
อ๊ะ อ๊า พอ… มันลึก อ๊า!!!”
แบคฮยอนปรือตามองร่างกายกำยำที่ยังคงรังแกกันไม่หยุด ผิวสีแทนกับมัดกล้ามแน่นทั้งตัวนั้นดูเข้ากันดีกับความดิบเถื่อนของเจ้าตัว ไหนจะท่อนกายใหญ่ที่ฝังมุกทั่วลำนั่นอีก ผู้ชายอายุ36ในความคิดของแบคฮยอนไม่น่าจะดูแข็งแรงหนุ่มแน่นได้เท่านี้ แก่…แต่แรงไม่ตก
สมราคาคุยเขาเลยล่ะ
“อื้อ อ่า”
เสียงทุ้มครางแผ่วยามอัดกระแทกส่งแรงครั้งสุดท้ายพร้อมปล่อยน้ำพันธุ์เข้าใส่จนปริ่มล้มออกมาด้านนอก
ดึงมันออกช้าๆแล้วยกสะโพกกลมให้แอ่นสูงขึ้นจนเด็กน้อยผู้บอบช้ำต้องนอนคว่ำอีกครั้ง
ช่องทางเผยออ้ากว้างจนแทบจะมองเห็นด้านในได้ทั้งหมด มือหนาชักรูดแกนกายจนน้ำขาวขุ่นที่ยังปล่อยไม่หมดพุ่งตามเข้าใส่รูกว้างตรงหน้าอย่างลามก “อย่าเอาสะโพกลงล่ะ ผมไม่อยากให้มันไหลออกมา”
“อื้อ อะ…ไร” เอ่ยถามสียงสั่นเพราะไม่เข้าใจกว่าทำไมอีกฝ่ายต้องทำเช่นนี้
“ให้น้ำของผมมันอยู่ในตัวคุณนานๆหน่อย ไว้ปิดสนิทเมื่อไรค่อยเอาสะโพกลงมา รู้มั้ยเด็กดี”
“คุณ…มัน
โรคจิต” แบคฮยอนไม่สนแล้วว่าชานยอลจะอยากทำอะไร
ตอนนี้เด็กน้อยไม่อาจประคองสติได้อีกหลังจากรับศึกหนักจากนายหัวฉลามจอมเถื่อน
ดวงตาค่อยๆปิดลงหวังจะพักสักนิดแม้ร่างกายจะอยู่ในท่าแสนลามกแค่ไหนก็ตาม
.
.
.
ร่างกายเจ็บร้าวจนขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แบคฮยอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว แต่กลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตา เจ็บไปหมด
ยิ่งช่องทางด้านหลังนั้นยิ่งปวดแสบกว่าส่วนไหนๆ
มือสวยลูบไปทั่วก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มของที่นอน อ่า… กลับมาแล้วสินะ
“ไหวมั้ย”
เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ
แน่นอนว่ามันคือเสียงของปาร์คชานยอล
ไอ้โรคจิต!
ฝืนลืมตาจนสำเร็จก็พบว่ามันคือห้องที่ตนเข้ามานอนพร้อมจงอินเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้เพื่อนซี้หายไปแล้ว เหลือเพียงตนเองที่นอนแผ่หลาอยู่และร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้กับเตียงนอน
“จงอินไปไหน”
“เพื่อนคุณข้ามเกาะไปแล้วตั้งแต่เช้า”
“ห๊ะ!”
สภาพร่างกายไม่อำนวยเท่าไรแต่เสียงยังคงโหวกเหวกโวยวายได้เหมือนเดิม
บอกเลยว่านี่แหละคือความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงของบยอนแบคฮยอน พ่อแม่พูดเสมอว่าเขาตัวเล็กแต่เสียงดังเหมือนสุนัขพุดเดิ้ลไม่มีผิด นั่นถือเป็นคำชม… พุดเดิ้ลน่ารักจะตาย
“ผมบอกเรื่องเมื่อคืนกับพวกเขาแล้ว โทรบอกพ่อแม่คุณด้วย”
“ห๊ะ!”
ถามว่าตอนนี้แบคฮยอนยังจะพูดอะไรได้อีก
“จะพาลูกคนอื่นไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วไม่รับผิดชอบได้ยังไงล่ะ ผมคุยกับพ่อแม่คุณแล้ว บริษัทเงินทุนบยอนกับธุรกิจน่านน้ำตะวันออก ตกลงกันง่ายเลย”
ไม่อยากจะเชื่อ… ทำไมทุกอย่างมันง่ายราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย
พ่อแม่รู้หรือเปล่าว่าลูกตัวเองโดนอะไรไปเมื่อคืนนี้
แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ตกลงกันว่าอย่างไรแต่ก็คงไม่พ้นเรื่องธุรกิจ ให้ตายสิ
นี่พ่อแม่เห็นอนาคตอันรุ่งเรืองของบริษัทสำคัญกว่าลูกคนเดียวไปแล้ว
“…….”
หมดคำจะพูด
“เดี๋ยวซายังจะยกอาหารกับยามาให้ กินซะ
หายแล้วจะพาไปดูเกาะนางเงือก”
นายหัวเอ่ยเสียงเรียบอย่างเคยแล้วออกจากห้องไปทันที
เกาะนางเงือกอะไรกันอีกวะ
พูดเองเออเองอยู่คนเดียวแล้วก็เดินหนีไปซะเฉยๆ ชีวิตบยอนแบคฮยอนจะมีอะไรน่าสงสารมากกว่านี้ได้อีก ถูกขืนใจไม่มีใครช่วย ตื่นมาเพื่อนก็ทิ้ง พ่อแม่ก็ไม่แยแส นี่แค่มาเที่ยวฉลองจบไฮสคูลทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“ขออนุญาตนะครับ
ผมเอาอาหารกับยามาให้
ลุกไหวหรือเปล่าครับ” ซายังวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห้นเด็กหนุ่มมีท่าทางอ่อนแรงเหลือเกิน
“พอไหวครับ
ขอบคุณมากเลย”
แบคฮยอนยิ้มแห้ง
ค่อยๆพยุงตัวขึ้นช้าๆ “ขอถามหน่อยได้มั้ยครับ เกาะนางเงือกคืออะไรหรอ”
“เกาะนางเงือก?
อ๋อ ห่างออกไปอีกหน่อยนึงครับ หายหัวเพิ่งซื้อเอาไว้สองสามเดือนก่อน
บอกว่าอายุเยอะแล้วอาจจะได้แต่งงานเร็วๆนี้เลยซื้อเอาไว้เป้นของรับขวัญเจ้าสาวน่ะครับ”
“อ่อ…”
ครอบครัวบยอนก็ไม่ได้ฐานะขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เปิดบริษัทเงินทุนได้ก็ถือว่าร่ำรวยไม่น้อย แต่ไอ้ที่ซื้อเกาะเป็นของขวัญอะไรแบบนี้มัน….
โคตรรวย นายหัวชานยอลจอมเถื่อนนี่จะรวยเกินไปแล้ว ยอม!
“ผมขอตัวก่อนนะครับ มีอะไรก็เรียกใช้ได้เลย” ซายังโค้งอย่างสุภาพอย่างเคย
“ขอบคุณครับ”
แบคฮยอนอยู่ในสภาวะจำยอมเมื่อพ่อแม่ของตนพ่ายแพ้ให้กับความร่ำรวยของปาร์คชานยอลเป็นที่เรียบร้อย
และตอนนี้เขาก็พอจะเข้าใจถึงความอภิมหาความรวยเว่อร์ๆหลังจากรู้ว่านายหัวฉลามซื้อเกาะเตรียมไว้เป็นของขวัญให้เจ้าสาวของตนเอง ที่จริงมันก็ไม่เลวร้ายเมื่อนึกถึงความสุขสบาย แต่ภาพเมื่อคืนที่ตนถูกอีกฝ่ายรังแกย้อนกลับเข้ามาก็ทำเอาคิดหนักอีกครั้ง ทำไมเด็กอายุ18อย่างเขาต้องมาใช้ชีวิตกับลุงโรคจิตป่าเถื่อนบ้ากามวัย36 ไม่ได้ใช้ชีวิตธรรมดาเสียด้วย ต้องอยู่กันไปตลอดชีวิต แล้วปาร์คชานยอลท่าทางจะอายุยืนอีก นี่เขาไม่ต้องโดนมุกเจ็ดเม็ดทุกวันหรือยังไงกัน!
นรกชัดๆเลย!!!
“อ้อ!” ซายังที่กำลังจะออกไปจากห้องเกิดชะงักขึ้นมาราวกับนึกบางอย่างที่สำคัญได้กะทันหัน
“มีอะไรหรอครับ?”
แบคฮยอนเอ่ยถามหลังจากถูกดึงสติจากห้วงความคิดกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบัน
มองคนที่หันกลับมายิ้มให้อย่างเป็นมิดด้วยความสงสัย
“ผมลืมสวัสดีอย่างเป็นทางการน่ะครับ”
ซายังส่งยิ้มเอ็นดูให้เด็กน้อยที่ทำหน้าฉงนอยู่บนเตียงกว้าง “ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวฉลามครับ นายหญิง”
THE END
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น